วิธีบอกเวลาภาษาอังกฤษให้เป๊ะ ใช้กับเจ้าของภาษาได้จริง !

Admin

ลองนึกภาพสถานการณ์ที่ต้องไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ แต่กลับพลาดเที่ยวบินเพราะเข้าใจเวลาผิด หรือช่วงเวลาที่กำลังสัมภาษณ์งานกับบริษัทต่างชาติ แล้วเกิดความสับสนเมื่ออีกฝ่ายนัดหมายมาว่า “Let’s meet at quarter to four!” ทำให้ไปผิดเวลา สถานการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการเข้าใจเรื่องเวลาภาษาอังกฤษไม่ใช่เพียงความรู้พื้นฐาน แต่เป็นทักษะสำคัญที่มีผลกระทบต่อชีวิตจริงอย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว !

นาฬิกาแขวนผนัง บอกเวลาภาษาอังกฤษได้ว่า Eleven twelve (11:12)

อยากบอกเวลาภาษาอังกฤษให้เป๊ะ ! ต้องเข้าใจหลักการพื้นฐานเหล่านี้

การบอกเวลาภาษาอังกฤษ แบ่งออกเป็น 2 ระบบหลัก ได้แก่

1. การอ่านเวลาภาษาอังกฤษแบบ 12 ชั่วโมง (AM/PM)

ระบบนี้ได้รับความนิยมมากในชีวิตประจำวัน โดยแบ่งช่วงเวลาออกเป็น

  • AM (Ante Meridiem) หมายถึง ก่อนเที่ยง
  • PM (Post Meridiem) หมายถึง หลังเที่ยง

ตัวอย่างการอ่านและเขียนเวลาภาษาอังกฤษแบบ AM/PM

  • ถ้าเป็นเวลาจำนวนเต็มชั่วโมง เช่น 7:00 AM → จะอ่านว่า “Seven o’clock in the morning” หรือ “Seven AM” ซึ่งหมายถึงช่วงเวลา เจ็ดโมงเช้า 
  • ถ้ามีนาทีต่อท้าย เช่น 3:15 PM ในช่วงหลังเที่ยง → จะอ่านว่า “Three fifteen PM” หรือ “Fifteen minutes past three” สำหรับตัวอย่างนี้จะสังเกตได้ว่าจะใช้เลขนาทีขึ้นก่อน (15 นาที) แล้วตามตัวเลขของช่วงเวลาที่ผ่านไปแล้ว ซึ่งก็คือช่วงบ่ายสามโมง

2. การอ่านเวลาภาษาอังกฤษแบบ 24 ชั่วโมง

เป็นระบบที่นิยมใช้ในสถานการณ์ทางการ การเดินทาง ตารางเวลา การบิน หรือเอกสารราชการ โดยใช้ตัวเลข 00-23 แทนชั่วโมง เพื่อลดความสับสนว่าเป็นช่วงเช้าหรือช่วงเย็น

ตัวอย่างการอ่านเวลาภาษาอังกฤษแบบ 24 ชั่วโมง

ในการเขียนเวลาภาษาอังกฤษแบบ 24 ชั่วโมง จะใช้รูปแบบ “ชั่วโมง:นาที” (hh:mm) เช่น 08:30, 14:45, 23:15 อย่างที่คนไทยเราคุ้นเคยกันดีนั่นเอง แต่สำหรับภาษาอังกฤษ จะมีวิธีการอ่านดังนี้

  • 08:30 → “Eight thirty”
  • 14:45 → “Fourteen forty-five”
  • 23:15 → “Twenty-three fifteen”

เทคนิคการบอกเวลาภาษาอังกฤษให้เป็นธรรมชาติ

1. การใช้คำเชื่อมแสดงเวลา

ถ้าอยากให้การบอกเวลาภาษาอังกฤษฟังดูลื่นไหลเหมือนเจ้าของภาษา แนะนำให้ลองใช้คำเชื่อมแสดงเวลาแบบนี้ดู !

  • Past (ผ่าน) ใช้บอกเวลาที่ผ่านจุดชั่วโมงไปแล้ว เช่น 5:10 → “Ten past five”
  • To (ก่อน) ใช้บอกเวลาที่ใกล้ถึงชั่วโมงถัดไป เช่น 4:50 → “Ten to five”
  • Half past (ครึ่ง) ใช้สำหรับเวลา 30 นาทีหลังชั่วโมง เช่น 6:30 → “Half past six”
  • Quarter past/Quarter to ใช้สำหรับเวลา 15 นาทีหลัง หรือ 15 นาทีก่อนชั่วโมงถัดไป เช่น
    • 3:15 → “Quarter past three”
    • 6:45 → “Quarter to seven”

2. การบอกเวลาแบบไม่เป็นทางการ

ในบทสนทนาแบบเป็นกันเอง สามารถใช้คำศัพท์เหล่านี้เพิ่มความเป็นธรรมชาติได้

  • Sharp/On the dot ใช้เมื่อต้องการเน้นเวลาที่แน่นอน ไม่มีการเลต เช่น “Let’s meet at seven sharp.”
  • Around/About ใช้เมื่อต้องการบอกเวลาโดยประมาณ เช่น “Let’s meet around three.”
  • Midnight/Noon ใช้แทน 12:00 AM และ 12:00 PM เช่น “I went to bed at midnight.”

ข้อควรระวังในการเขียนเวลาภาษาอังกฤษ

  • เมื่อเขียนเอกสารทางการ เช่น รายงาน บันทึกการประชุม หนังสือราชการ หรืองานวิชาการ การใช้รูปแบบเวลาให้คงที่และเหมือนกันทั้งฉบับนับเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ผู้อ่านไม่เกิดความสับสน รวมถึงสร้างมาตรฐานในการสื่อสารที่ดี
  • ควรตรวจสอบมาตรฐานการเขียนเวลาที่องค์กรหรือประเทศปลายทางใช้งานจริงเสมอ เนื่องจากแต่ละองค์กรหรือประเทศมีมาตรฐานการเขียนเวลาที่ต่างกัน บางที่นิยมใช้ ระบบ 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในวงการราชการ การทหาร การบิน หรือสถานพยาบาล ขณะที่บางองค์กร เช่น บริษัทเอกชนในสหรัฐอเมริกา นิยมใช้ระบบ 12 ชั่วโมง
  • ระวังสับสนเรื่องเวลาเที่ยงคืนและเที่ยงวัน หลายคนมักสับสนระหว่าง 12:00 AM และ 12:00 PM เพราะตัวเลข 12 มักดูคลุมเครือว่าหมายถึงกลางวันหรือกลางคืน ซึ่งตามมาตรฐานสากล เวลานี้แบ่งได้ชัดเจน คือ 12:00 AM = เที่ยงคืน (Midnight) และ 12:00 PM = เที่ยงวัน (Noon)

ชาวอเมริกันบอกเวลาภาษาอังกฤษโดยใช้ระบบ 12 ชั่วโมง

ข้อแตกต่างระหว่างการบอกเวลาในวัฒนธรรมต่าง ๆ

  • อเมริกาเหนือ : นิยมใช้ระบบ 12 ชั่วโมงในการสนทนาทั่วไป และใช้ระบบ 24 ชั่วโมงในบริบททางการหรือทางทหาร
  • สหราชอาณาจักรและยุโรป : นิยมใช้ทั้งระบบ 12 และ 24 ชั่วโมง แต่ในเอกสารทางการมักใช้ระบบ 24 ชั่วโมง
  • ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ : มีการผสมผสานทั้งสองระบบ คล้ายกับสหราชอาณาจักร

สำหรับผู้เรียนที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน การศึกษาต่อ หรือการเดินทางไปต่างประเทศ ควรให้ความสำคัญกับการฝึกฝนเรื่องเวลาอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือ ผู้ที่กำลังเตรียมตัวสอบวัดระดับภาษาอังกฤษอย่าง “โทอิค” (TOEIC) จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจเรื่องเวลาให้ถ่องแท้ เนื่องจากเป็นหนึ่งในหัวข้อที่มักปรากฏในทั้งส่วน Listening และ Reading

น้อง ๆ คนใดที่กำลังมองหาเครื่องมือที่จะช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบโทอิคให้คะแนนพุ่งปรี๊ด สามารถดาวน์โหลดข้อสอบโทอิคจาก Memmoread ได้เลยวันนี้ เรามีคลังข้อสอบมากกว่า 10,000 ข้อ พร้อมเฉลยละเอียด ครอบคลุมทั้งส่วน Listening Test และ Reading Test ที่อัปเดตตามแนวข้อสอบใหม่ล่าสุดตั้งแต่ปี 2020-2025 ให้น้อง ๆ พร้อมรับมือกับรูปแบบข้อสอบและเนื้อหาที่ทันสมัย เพิ่มความมั่นใจในการลงสนาม !

ข้อมูลอ้างอิง