Tense in English – แกรมม่าต้องรู้ก่อนสอบ TOEIC

สรุป Tense ในภาษาอังกฤษมาไว้ในบทความเดียว

Admin

Table of Contents

Tense in English แบบย่อ

ในภาษาอังกฤษมี Tense ทั้งหมด 12 tenses ดังนี้

english table tense

รูปประโยค Tense ทั้งหมดในภาษาอังกฤษจำได้ไม่ยาก แต่สิ่งที่ยากก็คือ การเข้าใจความหมายของแต่ละ tense เพื่อการนำไปใช้ที่ถูกต้อง 

Simple Tense

รูป simple เป็น tense ที่ใช้มากที่สุดในภาษาอังกฤษ เพราะเป็นการบอกเล่าเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน ที่ไม่มีความซับซ้อน จึงเป็น tense แรกๆ ที่ต้องเข้าใจและจำให้ได้

1. Present Simple Tense

ใช้ในการบอกส่ิงที่เป็น “จริง” และสิ่งที่ทำเป็น “ประจำ”

เป็นจริงในที่นี้ก็คือ ความจริงทางวิทยาศาสตร์ หรือเป็นจริงโดยทั่วๆ ไป และใช้บอกสถานะของสิ่งของที่เป็นจริงอยู่นี้ สิ่งที่ทำเป็นประจำ

กฏการผันกริยา

ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 verb จะต้องผันโดยการเติม s แม่ว่าประธานจะไม่ใช่คำว่า he/she/it โดยตรง แต่หากเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 ก็ต้องผัน verb ด้วย ตัวอย่างเช่น

  • my cat cheers me up every time I get home. (my cat = it)
  • Lincy walks to work every day (Lincy = she)

กฏการผัน verb เติม s

  1.  คำที่ลงท้ายด้วย ch, sh, ss, x, z และ o จะผันโดยการเติม es แทน
  2. คำที่ลงท้ายด้วย y จะเปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es
  3. คำที่ลท้ายด้วย y แต่หน้า y เป็น (a,e,i,o,u) ให้เติม s ได้เลย

การทำให้เป็นรูปปฏิเสธ และคำถาม

การทำเป็นรูปปฏิเสธและคำถาม ให้ใช้ verb to do มาช่วย เมื่อใช้กับประธานเอกพจน์ ให้เติม es เป็น does แทน และไม่ต้องผัน verb แท้ของประโยค

การใช้ Verb to be ใน Present Simple Tense

Adverb of time ที่ใช้กับ Present Simple Tense

เนื่องจากเราใช้ Present Simple ที่บอกสิ่งที่ทำประจำ ดังนั้น tense นี้ต้องคู่กับ adverb of frequency 

ถ้าเห็นคำเหล่านี้ให้คิดไว้ก่อนเลยว่าน่าจะเป็น Present Simple Tense

  • การบอกความถี่แบบไม่เฉพาะเจาะจง
    เช่น Always, Frequency, Usually, Sometimes, Rarely, seldom, never
  • การบอกความถี่แบบเฉพาะเจาะจง
    จะใช้คำว่า every นำหน้า แล้วตามด้วยความที่ที่ต้องการบอก เช่น every day, every 3 days

2. Past Simple Tense

ใช้ในการบอกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตที่บอกเวลาที่เกิดเหตุการณ์นั้นไปแล้ว ส่วนใหญ่จะใช้ในการเล่าเรื่อง เช่น การเล่าข่าว เล่านิทาน เล่าเหตุการณ์ให้คนอื่นฟัง

กฏ Grammar ของ Past Simple Tense

Past Simple Tense ประธานทุกตัวใช้ verb ช่องที่ 2 เหมือนกันหมด ไม่ต้องผันตามประธาน

กฏแกรมม่าของ past simple tense

การทำให้เป็นรูปปฏิเสธ และคำถาม

การทำเป็นรูปปฏิเสธและคำถาม ให้ใช้ verb to do เข้ามาช่วย โดยให้ผัน do เป็น verb ช่อง 2 ก็คือ did แทน เมื่อใช้ did แล้ว verb แท้ของประโยคไม่ต้องผัน

การใช้ Verb to be ใน Past Simple Tense

การใช้ verb to be ของ past simple tense

Adverb of time ที่ใช้กับ Past Simple Tense

ประโยค Past Simple Tense จะดูไม่สมบูรณ์หากเราไม่บอกเวลาด้วยว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ในอดีต เช่น

  • This morning, yesterday
  • last night, last week, last month, last year
  • an hour ago, 2 days ago

หรือบอกเป็นวัน เดือน ปี ที่เกิดขึ้นก็ได้ เช่น

  • on Monday, on the 23rd of April, on my birthday
  • in May, in January, in 1886

ใช้คู่กับ clause ที่เป็น past simple tense ก็ได้ เช่น

  • I already said yes to Harry when he asked me.
  • I woke up when the alarm went off.

3. Future Simple Tense

ใช้ในการบอกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยส่วนมากจะบอกเวลาด้วยว่าคิดว่าจะเกิดเมื่อใด เพื่อให้ประโยคมีความชัดเจนมากขึ้น 

กฏ Grammar ของ Future Simple Tense

Future Simple Tense ประธานทุกตัวจะใช้ will + verb ช่องหนึ่ง ไม่ผัน 

กฏการผัน future simple tense

การทำให้เป็นรูปปฏิเสธ และคำถาม

การทำให้เป็นรูปปฏิเสธให้เติม not ที่ข้างหลัง will เพราะว่า will เป็น verb ช่วยอยู่แล้ว ส่วนการทำให้เป็นคำถามให้เอา will มาวางไว้หน้าประโยค

ปฏิเสธ และ คำถาม future simple tense

การใช้ Verb to be ใน Future Simple Tense

การใช้ verb to be ใน Future Simple Tense สามารถใส่คำว่า be ต่อท้าย will ได้เลย

Adverb of time ที่ใช้กับ Future Simple Tense

ประโยค Future Simple Tense มักจะใช้คู่ไปกับ adv of time ที่บอกเวลาในอนาคตที่แน่นอน

  • This afternoon, this evening
  • tomorrow, next week, next month, next year.
  • in 2 hours, in 3 days,  in 4 months

หรือบอกวัน เดือน ปี ที่คาดว่าจะเกิดในอนาคต

  • on Tuesday, on 5th of November, on New Year’s Eve
  • in May, In January, In 2020, in 2031

หรือจะใช้คู่กับ clause ที่เป็น present simple tense ก็ได้

  • We will leave when Ruben gets here.
  • They will show up when we are ready.

Continuous Tense

ประโยค continuous tense ให้ความหมายว่า “กำลัง….อยู่”

4. Present Continuous Tense

ใช้บอกกริยาที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน หรือ ที่ทำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน เช่น

  • I’m studing for my exam.
  • They are working on their report.

บางครั้งเราใช้ Present continuous tense บอกสิ่งที่จะเกิดในอนาคตว่าจะเกิดแน่นอน (การใช้รูปแบบนี้จะต้องบอกเวลาของอนาคตมาด้วย)

  • We are baking some cake this afternoon.
  • They are flying off to London next week.

หากใช้เป็นรูป going to + v1 ก็จะเป็นการบอกถึงเหตุการ์ที่คิดว่าน่าจะเกิดในอนาคต รูปอนาคตที่เป็น going to จะให้ความรู้นึกว่า เหตุการณ์ที่บอกนั้นจะเกิดขึ้นแน่นอน มากกว่าการใช้ future simple tense

  • I’m going to park my car in the next building
  • What is she going to do?

กฏ Grammar ของ present continuous tense

กฏพื้นฐานของ continuous tense คือ verb to be + v.ing ถ้าอยู่ในรูป present ก็จะผัน verb to be เป็นรูปปัจจุบันคือ is/am/are

การทำให้เป็นรูปปฏิเสธ และคำถาม

การทำให้เป็นรูปปฏิเสธ ให้เติม not ไปที่ด้านหลัง verb to be ส่วนรูปคำถามให้วาง verb to be ไว้หน้าของประธานของประโยค

การใช้ Verb to be ใน Present continuous Tense

การใช้ verb to be ใน Present Continuous Tense สามารถใส่คำว่า being ต่อท้าย verb to be ได้เลย

การใช้ verb to be ใน present continuous tesne

การใช้ be ในรูป continuous นั้นเป็นการใช้เพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เป็นอยู่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาเป็นโดยปกติ เช่น การบอกว่า You are being lovely. นั้นหมายความว่า ตอนนี้เธอกำลังน่ารัก ปกติแล้วเธอไม่ได้น่ารัก

Adverb of time ที่ใช้กับ Present continuous Tense

ประโยค Present Continuous Tense มักจะใช้ควบคู่ไปกับ adverb to time ที่บอกว่าเป็นปัจจุบัน เช่น at the moment,  now, right now, currently

5. Future Continuous Tense

รูปประโยคเหมือนกับ Present Continuous Tense เพียงแต่เปลี่ยน verb to be ให้เป็นรูปอนาคต โดยใช้เป็น will be แทน เช่น

  • I will be cooking.
  • He will be working.
  • They will be leaving.

รูปประโยคนี้ไม่สามารถใช้เดี่ยวๆได้ เพราะจะให้ความหมายที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ จึงมักจะใช้คู่กับ Present Simple Tense เพื่อบอกถึงการคาดดการณ์ว่าในเวลานั้นในอนาคต “น่าจะมีอะไรที่กำลังทำอยู่” หรือ พูดง่ายๆ คือ “จะมีอะไรทำอยู่ในอนาคต”

  • By the time you get here, I will be cooking.
    ตอนคุณมาถึงที่ ฉันน่าจะกำลังทำกับข้าวอยู่
  • He will be working when we get back to the office.
    เขาน่าจะกำลังทำงานตอนที่เรากลับไปถึงออฟฟิศ

ถ้าเปลี่ยน will เป็น would จะให้ความรู้สึกว่าการคาดการณ์เหตุการณ์นั้นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น มีโอกาสเกิดได้น้อยกว่าใช้ will

  • My sister would still be working when I arrive.
    พี่สาวของฉันน่าจะยังกำลังงานอยู่ตอนที่ฉันไปถึง

6. Past Continuous Tense

รูปประโยคคล้ายกับ Present Continuous Tense แค่เพียงเปลี่ยน verb to be ให้เป็นรูปอดีต โดยการใช้ was/were แทน (หลักการใช้ was/were ใช้หลักเดียวกับ past simple tense) เช่น

  • She was doing her homework.
  • They were playing football.

Past  Continuous Tense ไม่สามารถใช้เดี่ยวๆ ได้ มักจะใช้คู่กับ past simple tense เพื่อบอกถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในอดีตในขณะที่อีกเหตุการณ์หนึ่งกำลังเกิดขึ้น เช่น

  • She was doing her homework when I ran into her in the library.
    เธอกำลังทำการบ้านอยู่ ตอนที่ฉันไปเจอเธอที่ห้องสมุด
  • When I got to the stadium, they were playing football.
    ตอนที่ฉันไปถึงที่สนามกีฬา พวกเขากำลังเล่นฟุตบอลกันอยู่

หรือสามารถใช้บอกถึงสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะกันในอดีต เช่น

  • When I was cleaning the house, my husband was cooking.
    ตอนที่ฉันกำลังทำความสะอาดบ้านอยู่นั้น สามีฉันก็ทำกับข้าวอยู่ในอดีต(ในอดีต)

Perfect Tense

รูปประโยค Perfect Tense จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นอดีต หากเป็นรูป present ก็จะหมายถึง อดีตอันใกล้ หรืออดีตที่ไม่ได้ระบุเวลา

หากเป็น past ก็จะสื่อความหมายถึง ความเป็นอดีตของอดีต

หากเป็น future ก็จะมีความหมายไปในเชิงของความเป็นอดีตของอนาคต

7. Present Perfect Tense

ใช้บอกอดีตที่เพิ่งเกิดในเวลาอันใกล้ และมียังมีมาจนถึงปัจจุบัน หรือบอกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้ว โดยที่ไม่ต้องระบุเวลาว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เช่น

  • I have been to the USA.
    ฉันเคยไปประเทศสหรัฐอเมริการ (ไม่ได้บอกไว่าไปเมื่อไหร่)
  • They have just finished their presentation
    พวกเขาเพิ่งนำเสนองานเสร็จ

กฏ Grammar ของ Present Perfect Tense

กฏโดยพื้นฐานของ Perfect Tense คือ verb to have + v3 ถ้าอยู่ในรูป Present Perfect Tense ก็จะผัน verb to have เป็นรูปปัจจุบัน คือ have/has

กฏ grammar ของ Present Perfect Tense

การทำให้เป็นรูปปฏิเสธ และคำถาม

การทำเป็นรูปปฎิเสธให้เติม not เข้าไปที่ข้างหลัง verb to have ได้เลย ส่วนรูปคำถามให้วาง verb to have ไว้ที่หน้าประธานของประโยค

Adverb of time ที่ใช้กับ Present Perfect Tense

ประโยค Present Perfect Tense มักจะใช้ควบคู่ไปกับ adverb of time ที่บอกว่าเคยทำมาก่อนในอดีต หรือบอกความเป็นอดีตที่มีผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน adverb ที่ต้องรู้จักคือ

ever มักใช้ในประโยคคำถาม เพื่อถามเคยทำหรือยัง และ never ใช้บอกว่าไม่เคยทำมาก่อนเลย เช่น

  • Have you ever seen a camel?
  • She has never been outside the country.

since ใช้บอกเวลาว่าทำสิ่งนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และ for ใช้บอกว่าทำสิ่งนั้นมานานแค่ไหนแล้ว เช่น

  • I have been a vegetarian since I was 12 years old.
  • She hasn’t seen her family for 5 years now.

yet ใช้บอกถึงสิ่งที่เรายังไม่ได้ทำ แต่มีความตั้งใจว่าจะทำ เช่น

  • We haven’t seen that movie yet. We will see it this weekend.
  • Have you done your report yet?
Time line of Present Perfect Tense

8. Future Perfect Tense

รูปประโยคเหมือนกันกับ Present Perfect Tense เพียงแค่เปลี่ยน verb to have ให้เป็นรูปอนาคตเท่านั้นโดยใช้เป็น will have แทน เช่น

  • I will have retired.
  • We will have finished our course.

หลักการใช้ Future Perfect Tense
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ คาดว่าจะสิ้นสุดในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในอนาคต โดยมักใช้กับ by + (by next week, by next month by the end of this year, by 2012, by 6 o’clock, etc.) เช่น

  • I will have completed my work by tomorrow.
    ฉันจะทำงานของฉันเสร็จสมบูรณ์ในวันพรุ่งนี้
  • They will have slept over 10 hours soon.
    พวกเขาจะหลับเกิน 10 ชั่วโมงในเร็วๆ นี้


2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่คาดเดาว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต โดย…

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน จะใช้ Future Perfect Tense
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลัง จะใช้ Present Simple Tense

  • By the time they implement the new policy, I will have retired.
    ฉันคงเกษียณไปก่อน ตอนที่พวกเขาบังคับใช้นโยบายใหม่

9. Past Perfect Tense

รูปประโยคเหมือนกับ Present Perfect Tense เพียงแค่เปลี่ยน verb to have ให้เป็นรูปอดีตเท่านั้น โดยใช้ had แทน เช่น

  • Beam had been fired.
  • She had walked home.

หลักการใช้ Past Perfect Tense

ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น และสิ้นสุดลงแล้วในอดีตทั้ง 2 เหตุการณ์ซึ่งเหตุการณ์หนึ่งได้สิ้นสุดลงก่อนหน้าอีกเหตุการณ์

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงก่อนจะใช้ Past Perfect Tense
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงทีหลังจะใช้ Past Simple Tense

Past Perfect Tense มักจะใช้กับคำว่า before, after, already, just, yet, until, till, as soon as, when, by the time, by…

  • Before I went to school, I had had a car accident.
    ก่อนที่ฉันจะไปโรงเรียน ฉันได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
  • By the time he came here, I already had finished my dinner.
    ตอนที่เขามาถึง ฉันก็กินข้าวมื้อเย็นของฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

Perfect Continuous Tense

รูปประโยค Perfect Continuous tense ให้ความหมายของเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกัน และกำลังทำอยู่

 

10. Present Perfect Continuous Tense

ใช้บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่มีความ่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน หรือใช้บอกเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วใจอดีต แต่เกิดอย่างต่อเนื่อง เช่น

  • We have been working non-stop since 9 am.
    เราทำงานอย่างไม่หยุดมาตั้งแต่ 9 โมงแล้ว
  • He has been sleeping for a couple of hours already.
    เขานอนมาได้ 2-3 ชั่วโมงแล้ว

กฏ Grammar ของ Present Perfect Continuous Tense

กฏพื้นฐานของ Perfect Continuous Tense คือ verb t0 have + been (ช่อง 3 ของ be) + v.ing 

ถ้าอยู่ในรูป Present Perfect Continuous Tense ก็จะผัน verb to have เป็นรูปปัจจุบันคือ has/have (หลักการใช้ คือหลักเดียวกับ present perfect tense)

การทำให้เป็นรูปปฏิเสธ และคำถาม

การทำเป็นรูปปฏิเสธให้เติม not เข้าไปที่ข้างหลัง verb to have ได้เลย ส่วนรูปคำถามนั้นให้วาง verb to have ไว้ที่หน้าประธานของประโยค

Adverb of time ที่ใช้กับ Present Perfect Continuous Tense

ประโยค Present Perfect Continuous Tense ใช้ควบคู่ไปกับ adverb of time ที่บอกถึงความเป็นอดีตที่มีความสามารถต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันโดยมากขุใช้กับ since และ for เหมือนกับรูปประโยค Present Perfect Tenes เช่น

  • We have been eating for 2 hours now.
  • We have been eating since 6 pm.

11. Future Perfect Continuous Tense

รูปแบบประโยคเหมือนกับ Present Perfect Continuous Tense เพียงแค่เปลี่ยน verb to have ให้เป็นรูปอนาคต โดยให้เป็น will have แทน

หลักการใช้

ใช้กับเหตุการณ์ที่จะกำลังดำเนินในอนาคต และยังคงดำเนินต่อไป

  • I will have been studying for 2 hours by the time my family arrives home.
    ฉันจะกำลังเรียนเป็นเวลา 2ชั่วโมง เมื่อครอบครัวของฉันมาถึงบ้าน (และฉันก็ยังคงต้องเรียนต่อไป)
  • She will have been learning English for an hour.
    เธอจะกำลังเรียนภาษาอังกฤษเป็นเวลา 1ชั่วโมงแล้ว
    (และเธอก็ยังคงเรียนต่อไป)

ใช้กับเหตุการณ์ที่ดำเนินมาตั้งแต่ในอดีต และดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน และยังคงดำเนินต่อไปอีกในอนาคต

  • By the end of the year, I will have been living here for 10 years.
    เมื่อถึงปลายปี ฉันจะอยู่ที่นี่มาเป็นเวลา 10ปีแล้ว (และยังคงอยู่ที่นี่ต่อไปอีกเรื่อยๆ)
  • Gary will have been working here for 2 years next month.
    แกรี่จะทำงานที่นี่เป็นเวลา 2ปีแล้วในเดือนหน้า (และแกรี่ยังคงทำงานที่นี่ต่อไป)

12. Past Perfect Continuous Tense

รูปประโยคคล้ายกับ Present Perfect Continuous แค่เพียงเปลี่ยน verb to have ให้เป็นรูปอดีต โดยการใช้ had แทน (หลักการใช้ was/were ใช้หลักเดียวกับ past simple tense) เช่น

  • Our children had been sitting there for a long time.
  • Alex had been trying to find his laptop for 3 days

Past Perfect Continuous นั้นมีการเพิ่มรายละเอียดขึ้นอีกนิด โดยโฟกัสกันเน้น ๆ ที่ความต่อเนื่องในเหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นซึ่งก็มักจะมีคำที่บอกถึงระยะเวลาเข้ามาด้วย 

  • They had been playing football for about half an hour before it started to rain.
    พวกเขาเล่นฟุตบอลมาแล้วประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนที่ฝนเริ่มตก
  • I had been smoking for 5 months.
    ฉันเคยสูบบุหรี่มาเป็นเวลาห้าเดือน

สรุป

จบไปแล้วนะครับกับ Grammar อันแรกที่ต้องรู้ก่อนสอบ TOEIC ในเรื่องของ Tense ในภาษาอังกฤษ

เน้นหลักๆ ที่เพื่อนๆ ควรจะจำ และเข้าใจให้ได้ คือ tense ที่ในบทความนี้ได้อธิบายไว้อย่างละเอียดเพราะจะได้พบเจอจริงๆ และเยอะมากๆ ทั้งในข้อสอบ และการใช้ชีวิตประจำวัน

ส่วน tense ที่เหลือให้รู้ไว้บ้าง และเราจะค่อยไปทบทวนกับมันในการฝึกทำข้อสอบได้ครับ

วิธีการที่จะทำให้เพื่อนจำ และเข้าใจ tense ทั้งหมดได้นั้นผมแนะนำการฝึกแบบนี้ครับ

ให้ฝึกพูดกับตัวเอง อธิบายสิ่งที่เราทำไป เราทำลังทำ สิ่งที่เรากำลังจะไปทำ แล้วค่อยๆ อัพระดับความซับซ้อนของประโยคไปเรื่อย เช่น ตอนแรกอาจจะใช้แค่ simple continuous เมื่อเริ่มชินแล้ว ค่อยมาเพิ่มเป็น perfect และขั้นสุดท้ายเป็น perfect continuous ครับ

แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะครับ อย่าลืมติดตามพวกเราไว้ด้วยน้า