การสอบ TOEIC TOEFL IELTS ต่างกันอย่างไร อะไรง่ายสุด ?

แบ่งตามสถานการณ์ต่าง

Admin

สำหรับใครที่กำลังสนใจ อยากลองสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับการสอบยอดฮิต 3 รูปแบบ ทั้งการสอบ TOEIC, TOEFL และ IELTS ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป รวมถึงระดับความยากง่ายและวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ก็ไม่เหมือนกันด้วย

เมื่อถามว่า "TOEIC TOEFL IELTS อะไรง่ายสุด ?" หลาย ๆ คนมักจะตอบว่าข้อสอบ TOEIC

TOEIC, TOEFL, IELTS คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร ? T

การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษแต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อวัดทักษะที่แตกต่างกัน ซึ่งเราควรเลือกให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ มาดูกันว่าแต่ละการสอบมีลักษณะเด่นอย่างไร

TOEIC (Test of English for International Communication)

TOEIC เป็นการสอบที่เน้นวัดความสามารถด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษในบริบทของการทำงานและธุรกิจ โดยข้อสอบจะครอบคลุมสถานการณ์ต่าง ๆ ในออฟฟิศ การประชุม การเจรจาธุรกิจ รวมถึงการติดต่อสื่อสารทั่วไปในที่ทำงาน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานในบริษัทต่างชาติ หรือองค์กรที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ซึ่งในการสอบจะมีคะแนนรวมสูงสุด 990 คะแนน โดยทั่วไปองค์กรมักต้องการคะแนนขั้นต่ำ 550 คะแนนขึ้นไป และผลสอบจะมีอายุ 2 ปี

TOEFL (Test of English as a Foreign Language)

ขณะที่การสอบ TOEIC จะมุ่งเน้นไปในด้านธุรกิจ แต่การสอบ TOEFL จะให้ความสำคัญกับการใช้ภาษาอังกฤษในบริบทการศึกษา ซึ่งข้อสอบจะจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ ในรั้วมหาวิทยาลัย เช่น การฟังบรรยาย การอ่านตำรา และการเขียนเรียงความเชิงวิชาการ ด้วยเหตุนี้ TOEFL จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ โดยเฉพาะในอเมริกาและแคนาดา โดยปัจจุบันมีการสอบ 2 รูปแบบ คือ TOEFL iBT (Internet-based Test หรือการสอบกับคอมพิวเตอร์) ที่มีคะแนนเต็ม 120 คะแนน และ TOEFL PBT (Paper-Based Testing หรือการสอบกับกระดาษ) ที่มีคะแนนเต็ม 677 คะแนน ทั้งนี้ ผลสอบจะมีอายุ 2 ปีเช่นเดียวกับการสอบ TOEIC 

IELTS (International English Language Testing System)

ส่วนการสอบ IELTS ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อวัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษแบบองค์รวม ทั้งในด้านวิชาการและการใช้ในชีวิตประจำวัน โดยแบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ Academic Module สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อ และ General Training Module สำหรับการทำงานหรือย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ สำหรับคะแนน IELTS จะอยู่ในช่วง 0-9 คะแนน และมีอายุ 2 ปี

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของการสอบ TOEIC, TOEFL และ IELTS

คุณลักษณะ TOEIC TOEFL IELTS
วัตถุประสงค์หลัก วัดความสามารถภาษาอังกฤษในบริบทการทำงานและการสื่อสารในธุรกิจระหว่างประเทศ วัดความสามารถภาษาอังกฤษของผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ เพื่อศึกษาต่อระดับในระดับอุดมศึกษา วัดความสามารถภาษาอังกฤษสำหรับการศึกษาต่อ ทำงาน และย้ายถิ่นฐานในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ
ทักษะที่ทดสอบ การฟังและอ่าน ครบทั้ง 4 ทักษะ (ฟัง พูด อ่าน เขียน) ครบทั้ง 4 ทักษะ (ฟัง พูด อ่าน เขียน)
คะแนนเต็ม 990 คะแนน 120 คะแนน (iBT) และ 677 คะแนน (PBT) 9.0 Band Score
อายุผลสอบ 2 ปี 2 ปี 2 ปี
หน่วยงานจัดสอบ ETS (Educational Testing Service) ETS (Educational Testing Service) British Council, IDP, Cambridge Assessment English

TOEIC, TOEFL, IELTS สอบวัดระดับภาษาอะไรง่ายสุด ?

ส่วนคำถามที่ว่า การสอบ TOEIC, TOEFL และ IELTS อะไรง่ายสุด ? จริง ๆ ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะความยากง่ายขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พื้นฐานภาษาอังกฤษของผู้สอบ ความถนัด รวมถึงวัตถุประสงค์ของการสอบ

แต่หลายคนอาจมองว่าการสอบ TOEIC อาจเป็นการสอบที่ “ง่ายที่สุด” เนื่องจากเน้นวัดผลเพียงทักษะการฟังและการอ่าน ซึ่งเป็นทักษะที่สามารถพัฒนาได้ง่ายกว่าทักษะการพูดและการเขียน อย่างไรก็ตาม การจะได้คะแนนสอบสูง ๆ ในการสอบ TOEIC ก็ยังคงต้องอาศัยการฝึกฝนและเตรียมตัวอย่างเหมาะสมไม่ต่างจากการสอบในแบบอื่น ๆ

ในส่วนของ TOEFL และ IELTS ถึงแม้รูปแบบการสอบจะมีความยากในระดับที่ใกล้เคียงกัน เพราะจะเป็นการวัดผลทักษะครบทั้ง 4 ด้าน (ทั้งการพูด ฟัง อ่าน เขียน) อีกทั้งยังเน้นการใช้ภาษาอังกฤษในเชิงวิชาการที่ลึกซึ้งกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้สอบบางคนอาจถนัดรูปแบบการสอบของทั้งสองรูปแบบนี้มากกว่า TOEIC ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความถนัดส่วนบุคคลเป็นสำคัญ

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความยากง่าย

จากที่เราได้พูดถึงความยากง่ายของการสอบภาษาอังกฤษทั้งสามประเภทไปแล้ว มาดูกันว่าปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อความยากง่ายในการสอบของแต่ละคนโดยตรง 

พื้นฐานภาษาอังกฤษ

พื้นฐานภาษาอังกฤษถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดเพราะผู้ที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีจะสามารถเข้าใจเนื้อหาและคำถามได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถรับมือกับรูปแบบคำถามที่หลากหลายได้ดี นอกจากนี้ ยังมั่นใจในการตอบคำถามมากกว่า ทำให้จัดการเวลาในการทำข้อสอบได้ดีกว่าด้วย

ความถนัด

ในขณะที่ความถนัดก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเนื่องจากการสอบแต่ละประเภทจะเน้นทักษะที่แตกต่างกัน เช่น TOEIC เน้นการฟังและการอ่าน ในขณะที่ TOEFL และ IELTS จะวัดทักษะครบรอบด้าน ดังนั้น หากผู้สอบมีความถนัดที่สอดคล้องในแต่ละการสอบ ก็จะทำให้การสอบนั้นง่ายขึ้น

วัตถุประสงค์การสอบ

ส่วนวัตถุประสงค์ในการสอบก็มีผลไม่แพ้กันเพราะเมื่อผู้สอบมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะนำผลสอบไปใช้ทำอะไร ก็จะมีแรงจูงใจในการเตรียมตัว และสามารถวางแผนฝึกฝนได้ตรงจุด ยิ่งไปกว่านั้น การรู้ว่าต้องการคะแนนระดับใด ก็จะช่วยให้วางแผนการเรียนและฝึกฝนได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น

 

TOEIC-TOEFL-IELTS-อะไรง่ายสุด

หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับการสอบภาษาอังกฤษทั้งสามประเภทไปแล้ว เพื่อน ๆ คงพอจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น ว่าควรเลือกสอบแบบใดที่ตอบโจทย์กับการใช้งานมากที่สุด โดยเฉพาะสำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจจะสอบ TOEIC และต้องการเพิ่มความมั่นใจในการเตรียมตัว ที่ Memmoread เรามีตัวอย่างข้อสอบ TOEIC มากกว่า 10,000 ข้อ พร้อมคำอธิบายแบบละเอียดยิบ รวมถึงการอัปเดตแบบฝึกหัดใหม่ทุกสัปดาห์ และคลังคำศัพท์ที่สามารถดาวน์โหลดไปใช้ได้ฟรี ๆ เพียงแค่เริ่มฝึกฝนกับ Memmoread วันนี้ รับรองว่าคะแนนที่คุณตั้งเป้าไว้จะไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน

ข้อมูลอ้างอิง

  1. แบบทดสอบ TOEIC®. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568. จาก https://cpathailand.co.th/.
  2. TOEFL, IELTS, or TOEIC? Comparing the Tests. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568. จาก https://learningenglish.voanews.com/a/toefl-ielts-toeic-comparing-the-tests/2873821.html.