สรุป Tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด พร้อมโครงสร้างแบบจำง่าย

Admin

“Tense” เป็นหนึ่งในแกรมมาร์ภาษาอังกฤษที่เราได้เรียนกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องนำมาใช้จริง หลายคนน่าจะยังคงสับสนว่า ทั้ง 12 Tense นั้นมีอะไรบ้าง และแต่ละ Tense ต่างกันอย่างไร

บทความนี้จะพาไปทบทวน Tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ Tense ได้อย่างมั่นใจ และนำไปใช้สอบได้อย่างแม่นยำ!

เด็กกำลังใช้ปากกาไฮไลต์เนื้อหาในหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ

โครงสร้างของ Tense ทั้ง 12 อย่างละเอียด และตัวอย่างการใช้

Simple Tense

รูป Simple เป็น Tense ที่ใช้มากที่สุดในภาษาอังกฤษ เพราะเป็นการบอกเล่าเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวันที่ไม่มีความซับซ้อน ถือเป็น Tense แรก ๆ จากทั้ง 12 Tense ที่ต้องเข้าใจและจำให้ได้

 

1. Present Simple Tense

[โครงสร้าง : Subject + V1]

ใช้ในการบอกสิ่งที่เป็น “จริง” และสิ่งที่ทำเป็น “ประจำ” โดยเป็นจริงในที่นี้ก็คือ ความจริงทางวิทยาศาสตร์ หรือความเป็นจริงทั่วไป เช่น

  • He studies English every day.
  • My sister doesn’t like vegetables.

เนื่องจากเราใช้ Present Simple ที่บอกสิ่งที่ทำประจำ ดังนั้น Tense นี้ต้องคู่กับ Adverb of Frequency ถ้าเห็นคำเหล่านี้ให้คิดไว้ก่อนเลยว่าน่าจะเป็น Present Simple Tense แน่นอน!

  • การบอกความถี่แบบไม่เฉพาะเจาะจง เช่น Always, Frequency, Usually, Sometimes, Rarely, Seldom, Never
  • การบอกความถี่แบบเฉพาะเจาะจง จะใช้คำว่า Every นำหน้า แล้วตามด้วยความถี่ที่ต้องการบอก เช่น Every day, Every 3 days เป็นต้น
 
 

2. Past Simple Tense

[โครงสร้าง : Subject + V2]

ใช้บอกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ส่วนใหญ่จะใช้ในการเล่าเรื่อง เช่น การเล่าข่าว เล่านิทาน หรือเล่าเหตุการณ์อะไรบางอย่างให้คนอื่นฟัง เช่น

  • I woke up at 5 am today.
  • They didn’t want to come to this class.

Adverb of time ที่ใช้กับ Past Simple Tense จะเป็นคำที่บอกเวลาว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ในอดีต เช่น

  • This morning, Yesterday
  • Last night, Last week, Last month, Last year
  • An hour ago, 2 days ago

หรือบอกวัน เดือน ปี ที่เกิดขึ้น เช่น

  • On Monday, On the 23rd of April, On my birthday
  • In May, In January, In 1886
 
 

3. Future Simple Tense

[โครงสร้าง : Subject + Will + V1]

ใช้ในการบอกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยส่วนมากจะบอกเวลาด้วยว่าผู้พูดคิดว่าจะเกิดเมื่อใด เพื่อให้ประโยคมีความชัดเจนมากขึ้น เช่น

  • I will get something to eat soon.
  • She will go to BLACKPINK’s concert next week.

Adverb of time ที่ใช้กับ Future Simple Tense มักบอกเวลาในอนาคตที่แน่นอน เช่น

  • This afternoon, This evening
  • Tomorrow, Next week, Next month
  • In 2 hours, In 3 days, In 4 months

หรือบอกวัน เดือน ปี ที่คาดว่าจะเกิดในอนาคต เช่น

  • On Tuesday, on 8th of July, on New Year’s Eve
  • In May, In December, In 20
 
 

Continuous Tense

ประโยค Continuous Tense ให้ความหมายว่า “กำลัง…อยู่” เพื่อบอกสถานะของประธาน ณ เวลาหนึ่ง ๆ ดังนี้

 

4. Present Continuous Tense

[โครงสร้าง : Subject + is/am/are + V.ing]

ใช้บอกกริยาที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน หรือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน เช่น

  • I’m studying for my exam now.
  • They are working on their report currently.

บางครั้ง เราใช้ Present Continuous Tense บอกสิ่งที่จะเกิดในอนาคตด้วย ว่าสิ่งนี้จะเกิดแน่นอน เช่น

  • We are baking some cake this afternoon.
  • They are flying off to London next week.

โดยประโยค Present Continuous Tense มักจะใช้ควบคู่ไปกับ Adverb of time ที่บอกว่าเป็นปัจจุบัน เช่น At the moment, Now, Right now, Currently

 

 

5. Past Continuous Tense

 

[โครงสร้าง : Subject + was/were + V.ing]

 

รูปประโยคคล้ายกับ Present Continuous Tense แค่เพียงเปลี่ยน Verb to be ให้เป็นรูป was/were แทน เช่น

  • She was doing her homework.
  • They were playing football.

ทั้งนี้ Past Continuous Tense สามารถใช้คู่กับ Past Simple Tense เพื่อบอกถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในอดีตในขณะที่อีกเหตุการณ์หนึ่งกำลังเกิดขึ้น เช่น

  • She was doing her homework when I ran into her in the library.
  • When I got to the stadium, they were playing football.

หรือสามารถใช้บอกถึงสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต เช่น

  • When I was cleaning the house, my husband was cooking.
 
 

6. Future Continuous Tense

[โครงสร้าง : Subject + will be + V.ing]

รูปประโยคนี้มักจะใช้คู่กับ Present Simple Tense เพื่อบอกถึงการคาดการณ์ว่าเวลานั้นในอนาคต “น่าจะมีอะไรที่กำลังทำอยู่” หรือพูดง่าย ๆ คือ “จะมีอะไรที่ทำอยู่ในอนาคต” เช่น

  • By the time you get here, I will be cooking.
  • He will be working when we get back to the office.

ถ้าเปลี่ยน will เป็น would จะให้ความรู้สึกว่าการคาดการณ์เหตุการณ์ดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น มีโอกาสเกิดได้น้อยกว่าใช้ will เช่น

  • My sister would still be working when I arrived.
ผู้หญิงเปิดพจนานุกรมภาษาอังกฤษ

Perfect Tense

รูปประโยค Perfect Tense จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นอดีต หากเป็นรูป Present ก็จะหมายถึง อดีตอันใกล้ หรืออดีตที่ไม่ได้ระบุเวลา หากเป็น Past ก็จะสื่อความหมายถึง ความเป็นอดีตของอดีต และหากเป็น Future ก็จะมีความหมายไปในเชิงของความเป็นอดีตของอนาคต ดังนี้


7. Present Perfect Tense

[โครงสร้าง : Subject + has/have + V.3]

ใช้บอกอดีตที่เพิ่งเกิดในเวลาอันใกล้ และยังดำเนินหรือมีมาจนถึงปัจจุบัน หรือบอกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้ว โดยที่ไม่ต้องระบุเวลาว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เช่น

  • I have been to the USA.
  • They have just finished their presentation.

ประโยค Present Perfect Tense มักจะใช้ควบคู่ไปกับ Adverb of time ที่บอกว่าเคยทำมาก่อนในอดีต หรือบอกความเป็นอดีตที่มีผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดย Adverb ที่ต้องรู้จัก คือ “Ever” มักใช้ในประโยคคำถาม เพื่อถามเคยทำหรือยัง และ “Never” ใช้บอกว่าไม่เคยทำมาก่อนเลย เช่น

  • Have you ever seen a camel?
  • She has never been outside the country.

นอกจากนี้ ยังมีคำว่า “Since” ใช้บอกเวลาว่าทำสิ่งนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และ “For” ใช้บอกว่าทำสิ่งนั้นมานานแค่ไหนแล้ว เช่น

  • I have been a vegetarian since I was 12 years old.
  • She hasn’t seen her family for 5 years now.

และ “Yet” ใช้บอกถึงสิ่งที่เรายังไม่ได้ทำ แต่มีความตั้งใจว่าจะทำ เช่น

  • We haven’t seen that movie yet. We will see it this weekend.
  • Have you done your report yet?

8. Past Perfect Tense

[โครงสร้าง : Subject + had + V.3]

รูปประโยคเหมือนกับ Present Perfect Tense เพียงแค่เปลี่ยน Verb to have ให้เป็น Had แทน ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้วในอดีต เช่น

  • Beam had been fired.
  • She had walked home.

นอกจากนี้ Past Perfect Tense ยังสามารถใช้เล่าถึง 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งเหตุการณ์หนึ่งได้สิ้นสุดลงก่อนหน้าอีกเหตุการณ์ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงก่อนจะใช้ Past Perfect Tense และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงทีหลังจะใช้ Past Simple Tense เช่น

  • Before I went to school, I had had a car accident.
  • By the time he came here, I had already finished my dinner.

ทั้งนี้ Past Perfect Tense มักจะใช้กับคำว่า Before, After, Already, Just, Yet, Until, Till, As soon as, When, By the time, By…


9. Future Perfect Tense

[โครงสร้าง : Subject + will have + V.3]

ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่คาดว่าจะสิ้นสุดในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในอนาคต โดยมักใช้กับ By… (By next week, By next month, By the end of this year, By 2012, By 6 o’clock, etc.) เช่น

  • I will have completed my work by tomorrow.
  • They will have slept over 10 hours soon.

หรือใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่คาดเดาว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน จะใช้ Future Perfect Tense และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลัง จะใช้ Present Simple Tense เช่น

  • By the time they implement the new policy, I will have retired.

Perfect Continuous Tense

รูปประโยค Perfect Continuous Tense ให้ความหมายของเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกัน และกำลังทำอยู่ ดังนี้


10. Present Perfect Continuous Tense

[โครงสร้าง : Subject + has/have been + V.ing]

ใช้บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่มีความต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน หรือใช้บอกเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีต แต่เกิดอย่างต่อเนื่อง เช่น

  • We have been working non-stop since 9 am.
  • He has been sleeping for a couple of hours already.

ประโยค Present Perfect Continuous Tense มักใช้ควบคู่ไปกับ Adverb of time ที่บอกถึงความเป็นอดีตที่มีความต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยมากจะใช้กับ Since และ For เหมือน Present Perfect Tense


11. Past Perfect Continuous Tense

[โครงสร้าง : Subject + had been + V.ing]

รูปประโยคคล้ายกับ Present Perfect Continuous แค่เพียงเปลี่ยน Verb to have ให้เป็นรูป Had แทน เช่น

  • Our children had been sitting there for a long time.
  • Alex had been trying to find his laptop for 3 days.

นอกจากนี้ Past Perfect Continuous ยังมีการเพิ่มรายละเอียดขึ้นอีกนิด โดยโฟกัสกันเน้น ๆ ที่ความต่อเนื่องในเหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้น ซึ่งก็มักจะมีคำที่บอกถึงระยะเวลาเข้ามาด้วย เช่น

  • They had been playing football for about half an hour before it started to rain.
  • I had been smoking for 5 months.

12. Future Perfect Continuous Tense

[โครงสร้าง : Subject + will have been + V.ing]

ใช้กับเหตุการณ์ที่จะกำลังดำเนินในอนาคต และยังคงดำเนินต่อไป เช่น

  • I will have been studying for 2 hours by the time my family arrives home.
  • She will have been learning English for an hour.

หรือใช้กับเหตุการณ์ที่ดำเนินมาตั้งแต่ในอดีต และดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน และยังคงดำเนินต่อไปอีกในอนาคต เช่น

  • By the end of the year, I will have been living here for 10 years.
  • Gary will have been working here for 2 years next month.

และนี่ก็คือสรุป 12 Tense ที่เรานำมาฝากกัน หวังว่าอ่านจบแล้วทุกคนจะเข้าใจการใช้ Tense ทั้ง 12 อย่างละเอียดมากขึ้น ส่วนสำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวสอบวัดระดับภาษา สามารถแวะมาฝึกทำข้อสอบ TOEIC ได้เลยที่ Memmoread เว็บฯ รวมแนวข้อสอบ TOEIC พร้อมเฉลย มากกว่า 10,000 ข้อ มีทั้ง Listening Test และ Reading Test อัปเดตใหม่ทุกอาทิตย์ เพิ่มความมั่นใจก่อนลงสนามสอบจริง!