TOEIC Grammar หรือแกรมม่า ในภาษาอังกฤษ เริ่มต้นอ่านอย่างไรไม่ให้ งง อ่านบทความนี้ได้เลย

แอดมินสรุปความเชื่อมโยงของสิ่งที่ต้องเรียนให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับ

Admin

เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหม ว่า แกรมม่าที่เราเรียนๆ อ่านๆ กันเนี่ย มันมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร?

ปัญหาก็คือ พอเราเริ่มศึกษาแกรมม่าก่อนสอบ TOEIC เราจะ งง ว่า เราควรเริ่มจากตรงไหน เนื้อหามันเยอะจนปวดหัวไปหมด

บทความนี้แอดมินจะมา อธิบาย ความเชื่อมโยงของแกรมม่าที่เราเรียนกัน เพื่อให้ เพื่อนๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบอยู่ได้เข้าใจ STEP เพื่อที่จะเข้าใจแกรมม่าภาษาอังกฤษได้มากขึ้นครับ

1. เริ่มจากโครงสร้างเริ่มต้นของประโยค ภาษาอังกฤษ S + V

TOEIC-Grammar-เริ่มยังไงไม่ให้งง-1

ในทุกๆ ประโยคที่เราพูด หรืออ่าน กันนั้น จะเริ่มง่ายๆ ด้วย สองส่วนคือ

S + V(แท้ หรือ finite verb)

ในหนึ่งประโยค หนึ่ง fullstrop นั้น จะมีประธาน แค่ 1 ตัว และ main verbแค่ 1 ตัวเท่านั้นครับ
(กรณีนี้แอดยังไม่รวม กรณีประโยคที่เชื่อมกันด้วย conjunction นะครับ จะได้เข้าใจง่ายๆ)

ทุกครั้งที่อ่านประโยค จะต้องหา ประธาน และ main verb ให้เจอครับ

1.1 เรียนรู้เรื่อง Verb

ในส่วนนี้เราจะเรียนรู้การแยก verb แท้ หรือ ไม่แท้ เราจะต้องมาศึกษาเรื่องเหล่านี้คือ

  • Tenses * verb แท้จะไปกับ 12 tenses เท่านั้น
  • Voice * เรื่องนี้คือ active หรือ passive voice ซึ่งจะควบคู่ไปกับ tenses
  • พจน์ หรือ Subject verb agreement เรื่องนี้คือการใช้ verb ให้ตรงกับ ประธาน

1.2 เรียนรู้เรื่อง ประธาน

สิ่งที่จะเป็นประธานได้ก็คือ คำนาม หรือ Noun ในบางครั้งส่วนของคำนามนั้นยาวมากๆ เราจะต้องหา คำนามหลัก ที่เป็นประธานของประโยคให้เจอ เดี๋ยวแอดจะไปพูดอีกครั้งในส่วนของ กรรม เพราะทั้งสองส่วนนี้ ต้องเรียนรู้เรื่องคำนามเหมือนกัน

2. S + V + O

TOEIC-Grammar-เริ่มยังไงไม่ให้งง-2
โครงสร้างนี้เป็นโครงสร้างที่เพิ่มส่วนที่เป็น กรรม ของประโยคเข้ามา สิ่งที่เป็นกรรมของประโยคได้ คือคำนาม

2.1 เรียนรู้เรื่อง Noun

สิ่งที่เราจะต้องตอบคำถามให้ได้ทุกครั้งคือ noun ที่เจอในประโยคทำหน้าที่อะไร เป็นประธาน หรือ กรรม

2.2 เรียนรู้เรื่อง Pronoun

Pronoun คือคำที่มาทำหน้าที่แทนคำนาม ใช้เป็น ประธาน หรือ กรรม ของประโยคได้เช่นกัน

บางครั้ง ถ้าต้องการทำให้คำนาม ยาวขึ้น หรือ ต้องการบอกลักษณะของคำนามให้ ละเอียด ชัดเจนขึ้น เราจะ ใช้ adj ในการ ขยายนาม

2.3 เรียนรู้เรื่อง adj

เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องการ เอา adj มาขยาย noun เราจะต้องเอา adj มาวางไว้หน้า noun เสมอ

ส่ิงที่ต้องตอบให้ได้ก็คือ adj ที่เอามาใช้นั้น ทำหน้าที่อะไร วางไว้ตำแหน่งไหน ถ้า ทำหน้าที่ขยายคำนาม ตำแหน่ง adj ก็ต้องอยู่หน้านาม หรือแบบที่สองคือ adj ขยายนามเช่นกัน แต่จะวาง adj ไว้หลัง verb to be

ตัวอย่างเช่น
A pretty girl. ประโยคนี้ adj นำหน้านาม
A girl is pretty ประโยคนี้ adj อยู่หลัง verb to be

แล้วถ้าเราต้องการหา คำที่มา ขยาย adj ละ เราสามารถทำได้ด้วยการใช้ adv มาขยาย adj อีกที

2.4 เรียนรู้เรื่อง adv

หน้าที่ของ adv มีอะไรบ้าง คือสิ่งที่เราต้องรู้ ว่า adv ที่เจอในประโยคนั้นทำหน้าที่อะไร ขยาย adj ขยาย verb หรือ ขยาย adv ด้วยกัน

ถ้า adv ทำหน้าที่ ขยาย adj ตำแหน่งของ adv ก็ต้องอยู่หน้า adj

ถ้า adv ทำหน้าที่ ขยาย verb ตำแหน่งของ adv จะอยู่ที่ หน้าประโยค หน้า verb หรือ ท้ายประโยคก็ได้

จากตรงนี้จะเห็นได้ว่า เราได้เรียนรู้เรื่อง Part of speech ไปแล้ว ด้วยกัน 4 เรื่องหลักๆ คือ Noun, Verb, Adj และ Adv สี่เรื่องนี้ สามารถไปเชื่อมโยงกับเรื่องของ prefix กับ suffix ของคำศัพท์ ที่จะทำให้เรารู้ว่า คำศัพท์แต่ละคำนั้นเป็นคำประเภทใด และ หน้าที่ของแต่ละประเภทนั้น ทำหน้าที่อะไรในประโยค

ข้อ 1 และ ข้อ 2 คือการสร้างประโยคที่สมบูรณ์ ขึ้นมาได้แล้ว 1 ประโยค เวลาเราสร้างประโยค ทุกครั้งที่จบประโยค เราจะต้องใช้ full stop เสมอครับ เช่น I love you. She works in London.

แล้ว ถ้าเราต้องการจะเชื่อมประโยคที่สมบูรณ์ สองประโยคเข้าด้วยกันละ จะต้องทำอย่างไร เช่น เรามีประโยค She is my manager. กับ She works in London.

ในการเชื่อมประโยคสองประโยคนั้น เราจะใช้ Conjunction ในการเชื่อมประโยค

3. ประโยคสมบูรณ์ + Conjunction + ประโยคสมบูรณ์

3.1 เรียนรู้เรื่อง Conjunction
สิ่งที่ Conjunction เชื่อมได้ มี เชื่อม word กับ word, เชื่อม phrase กับ phrase และ เชื่อม ประโยค กับ ประโยค

ในการเชื่อม ประโยค กับ ประโยค จะทำให้ประโยคใหม่เกิดเป็น compound sentence หรือ complex sentense

สิ่งที่ต้อง Focus คือ
Coordinate Conjunction : ประโยคสองฝั่งของ conj นั้นมีความสำคัญเท่ากัน ไม่มีด้านไหนเป็นใจความหลัก ด้านไหนเป็นใจความรอง Conjunction กลุ่มนี้ ได้แก่ For, And, Nor, But, Or, Yet, and So

Subordinate Conjunction : ประโยคสองฝั่งของ conj นั้นมีความสำคัญไม่เท่ากัน จะต้องมีด้านหนึ่งเป็นใจความหลัก อีกด้านเป็นใจความรอง

+ If clause (เพราะ IF clause ถือเป็นหนึ่งใน Subordinate Conjunction เหมือนกัน)

เนื้อหาส่วนแรกคือพื้นฐานอย่างง่าย ที่เป็น BASIC เลย ในการสร้างประโยคภาษาอังกฤษ จาก grammar

ต่อไปเราจะมาเป็นรายละเอียดส่วนสำคัญๆ ที่ลึก เข้าไปอีกในแต่ละส่วน

4. เรียนรู้เพิ่มเติม

โครงสร้างนี้เป็นโครงสร้างที่เพิ่มส่วนที่เป็น กรรม ของประโยคเข้ามา สิ่งที่เป็นกรรมของประโยคได้ คือคำนาม

4.1 Verb ไม่แท้ หรือ non finite verb

ในหัวข้อนี้เราจะต้องมาศึกษา 3 เรื่องคือ Participle, Gerund และ Infinitive

ต้องดูให้ออกว่า verb ในประโยคนั้นๆ ทำหน้าที่เป็น verb แท้ หรือ ไม่แท้ ถ้าเป็น verb ไม่แท้ เจ้า verb ไม่ได้นั้นคืออะไร Participle, Gerund หรือ Infinitive เพราะเจ้าสามตัวนี้ทำหน้าที่ต่างกัน

5. Article 

เรื่องนี้จะไปเกี่ยว โยงกับคำนาม ทั้งส่วนที่เป็น ประธาน และ กรรม

6. Preposition

ศึกษาเกี่ยวกับ Preposition เราจะต้องรู้ว่า คำศัพท์ใดเป็น prep และ prep นั้นต้องตามด้วย noun เสมอ

7. Quantifier

เรี่องนี้เกี่ยวข้องกับ เรื่องของ นามนับได้ และนามนับไม่ได้ และ ถ้าเป็นนามนับไม่ได้จะเกี่ยวข้องกับการบอกปริมาณของนามนับไม่ได้ รวมถึงพวก much, many, a number of, the number of เป็นต้น

8. Comparison

เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับการเปรียบเทียบสิ่งต่างๆ ในภาษาอังกฤษ การเปรียบเทียบขั้นธรรมดา ขั้นกว่า ขั้นสูงสุด

9. Inversion

Inversion คือการสลับที่กันระหว่าง ประธานและกริยา หรือ การกลับประโยค เพื่อเน้นใจความ หรือ ให้ดูเป็นทางการมากขึ้น หรือการสร้างประโยคคำถาม

ทั้งหมดที่อธิบายคือ คือการอธิบาย Step ในการศึกษา แกรมม่าภาษาอังกฤษ และประกอบรูปร่างให้เป็นว่า สุดท้ายแล้ว แกรมม่าที่เราเรียนมานั้น ถูกนำมาใช้ในการสร้างประโยค ได้อย่างไร

สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เรียนมาทั้งหมดนั้นก็เพื่อจะนำมาสร้างเป็นประโยค หนึ่งประโยคเท่านั้นครับ

เนื้อหาที่แนะนำไปในนี้ เพื่อๆ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้เข้าใจได้มากขึ้น เมื่อเพื่อนๆ เข้าใจประโยค สามารถแบ่งตำแหน่ง บอกได้ว่า คำแต่ละคำในประโยคนั้นทำหน้าที่อะไร นี่เป็นตัววัดว่าเพื่อนๆ เข้าใจภาษาอังกฤษได้ดีแล้วครับ

ซึ่งเรื่องนี้ นำไปใช้มากมายในการสอบนะ ใน TOEIC เอง สุดท้ายแล้วก็คือ เรื่องพวกนี้แหละ ที่เป็นพื้นฐานของข้อสอบครับผม

สุดท้ายก่อนจากกันไป

เรื่องพวกนี้ไม่ได้ยาก แต่แค่อาจจะยังไม่เข้าใจ หรือจำไม่ได้ แอดแนะนำให้พยายามใช้เยอะๆ ฝึกบ่อยๆ เวลาเจอในข้อสอบจะได้เข้าใจมันครับ

แนะนำแอพ MMR TOEIC Reading Practice ให้เพื่อนๆ โหลดมาฝึกฝนกันครับ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังสงสัยว่า เจ้าแอพ MMR TOEIC Reading คืออะไร มีดีอะไรที่ต้องโหลด ผมสรุปมาให้ ตามนี้เลยครับ

  • เป็นแอพที่รวมข้อสอบ TOEIC ใหม่ล่าสุดปี 2023 ย้ำว่าเป็นข้อสอบใหม่ทั้งหมด
  • มีข้อสอบมากถึง 3,000 ข้อ จากข้อสอบ 30 ชุด และจะเพิ่มเรื่อยๆ
  • มีข้อสอบใหม่อัพเดทเพิ่มตลอด
  • มีเฉลยภาษาไทย ละเอียดยิบ ทุกข้อ
  • มีซัพพอร์ตทีม คนไทย คอยช่วยเหลือให้คำปรึกษา
  • ไม่ต้องเสียค่า subscription รายเดือน โหลดครั้งเดียว ใช้ได้ตลอดชีพ

แอพนี้ผมกล้าการันตีว่าคุ้มค่ากับการดาวน์โหลดแน่นอนครับ มีให้ใช้ทั้งสอง platform ทั้ง IOS และ Android สามารถโหลดได้กดที่ปุ่มข้างล่างนี้ได้เลย